ลด EGO ตนเอง เอ๊ะ! คืออะไรกัน? สาระรีฟ จะมาเล่าเรื่องนี้กันครับ อย่างแรกเราลองนึกย้อนดูว่า ในชีวิตเรานั้น แต่ละคนจะมีภาพลักษณ์ที่ดีอยู่ที่ตนสร้างขึ้นมา อาจจะมีคนนับหน้าถือตา ยกย่องความสามารถ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่คนมองเรา การที่เรา ลด EGO ลงสักนิด จะช่วยทำให้ตัวเราดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ว่าแต่ EGO คืออะไร พูดง่าย ๆ ก็คือ ความอยากได้ อยากดัง เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นพื้นฐานที่จะเข้าใกล้ความสำเร็จ พร้อมโอกาสที่มากกว่าคนอื่น เพราะความสำเร็จจะทำให้คนอื่นๆ ยกย่องและยอมรับในตัวเรา แต่หลายๆ คนกลับอยากได้มันมาโดยที่ยังทำไม่สำเร็จ
ยกตัวอย่างเช่น ตัวสาระรีฟเอง ที่คนอื่นอาจจะมองว่า ตัวเองเป็นนักธุรกิจที่มีผลงานดี ๆ มากมาย มองว่าเราเก่งนู่น เก่งนี่ (มโนนะครับ 555+) ตัวสาะรีฟเอง ก่อนหน้านี้ เลยไม่กล้าทำอะไร ในสิ่งที่เราไม่เคยทำ หรือไม่เก่งมาก่อน เพราะกลัวว่า คนอื่นมองว่าเราโง่ ทำให้ภาพลักษณ์ที่คนมองว่าเราเก่ง อาจจะหมดไป
การที่เป็นแบบนั้น ทำให้ตัวเราไม่สามารถ ที่จะลองทำสิ่งใหม่ ๆ ได้เลย เพราะหวงแต่ภาพลักษณ์เดิม ๆ ที่คนอื่นมอง จากการสร้างใว้ในอดีต แต่หากมองในมุมกลับกัน ถ้าเรายอมลด EGO ลง พร้อมลองทำอะไรใหม่ บางครั้งอาจจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่เราเคยสร้างใว้ดี ให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้นะครับ (ยอมที่จะโง่ในวันแรก แต่เป็นคนที่เชี่ยวชาญในวันถัด ๆ ไป)
ดังนั้นศัตรูเราเลยไม่ใช่ใครที่ใหนเลยครับ ก็คือ EGO ตัวเองนั่นแหละ หากเรามีในระดับที่พอดี ด้านที่ส่งผลภาพลักษณ์ที่ดี จะช่วยทำให้เรามีโอกาสหลุดจากกรอบความสำเร็จในอดีต แต่บางครับสิ่งเหล่านี้เอง มันจะกลืนกินตนเอง จนครอบงำว่า เราเองสูงกว่าอื่น เจ๋งกว่าคนอื่น ทำให้คนอื่นพูด หรือทำอะไร เราจะรู้สึกว่าไม่เวิรคไปหมด ดังนั้นทางสาระรีฟ เลยจะมาแนะนำวิธีการจัดการ EGO กันครับ (เรื่องที่ว่าข้างบน สาระรีฟ เคยเป็นมาหมดแล้ว)
ฝึกอดทน อดกลั้นกับอารมณ์
ช่วงหนึ่งในชีวิต สาระรีฟ ในตอนที่มีแต่คนชื่นชม ได้ออกรายการมากมาย แถมจบจากมหาลัยชั้นนำอีกด้วย แต่ในใจเรา สมัยนั้น รู้สึกว่าตัวเองเจ๋ง ใครพูด ใครจะทำอะไร ตัวเองจะรู้สึกขัดไปหมด (คิดอย่างเดียวนะครับ แต่ไม่เคยพูด) ความคิดเราคือ วิธีที่ดีกว่า มันเลยทำให้บางครั้ง ความคิดนั้น อาจจะส่งผลลัพธ์ในด้านของการ ไม่อยากร่วมมือกับใครเลย เพราะไม่เชื่อมือ และบางครั้ง ถึงไม่พูด แต่สาระรีฟ เชื่อว่าในตอนนั้น สีหน้า พฤติกรรม คำพูด เราอาจจะมีออกมาบ้างแหละ โดยที่เราไม่รู้ตัว
ส่วนนี้สาระรีฟ แก้ด้วยการ ฝึกให้ตัวเองฟังคนบ่อย ๆ ช่วงแรก ๆ ยากมาก ปกติเราจะเป็นฝ่ายชอบพูดให้คนอื่นฟัง ไปนั่งร้านข้าว พบปะผู้คน เราก็จะพูดนำตลอด แต่พอเปลี่ยนมาเป็นผู้ฟังบ้าง ช่วงต้น ๆ จะดูเหนื่อยใจมาก แต่พอทำได้สักระยะ ก็รู้สึกว่า เออ เจ๋งดีแหะ สิ่งที่เขาเล่า จนรู้สึกว่า เราอยากลองทำบ้าง เพราะไม่เคยทำ อยากรู้ว่าถ้าทำแล้วจะเป็นยังไง มันก็มีโอกาสให้เราได้เปิดใจรับอะไรใหม่ ๆ พบเจอคนใหม่ ๆ มากขึ้น ซึ่งนั่นคือ โอกาสทั้งนั้นเลยครับ
ความภูมิใจตนเองมากไป จะทำให้เราอ่อนไหวกับการตำหนิ
คิดการใกลใว้ก่อน
การที่เราลดความพึงพอใจ หรือ นิสัยที่ชอบทำอะไร โดยหวังผลสั้น ๆ ลง มันจะช่วยให้เราเห็นเป้าหมายได้ไวขึ้น แถมจะช่วยส่งเสริมให้ตัวเราสามารถพัฒนาตัวเองได้ในระยะยาว มากกว่าการคิดทำอะไร หวังผลสั้น ๆ ซึ่งบางครั้งอาจจะเจอทางตันก็เป็นได้
ส่วนนี้สาระรีฟ แก้ด้วยการ เปลี่ยนความคิดใหม่ครับ ว่าความสำเร็จที่เรามีในวันนี้ ไม่ได้มาจากตัวเรา 100% แต่มาจากผู้ร่วมงานรอบกายที่คอยผลักดันเราแทบทั้งสิ้น บางครั้งเขาช่วยเรา เราก็กลับไปช่วยเขาบ้าง นั้นจะทำให้เราได้มีโอกาส พบกับคนใหม่ ๆ ที่คอยผลักดัน มอบโอกาสให้เรามากขึ้นกว่าเดิมครับ
ความสำเร็จไม่ได้มาจากตัวเรา แต่มาจากคนรอบกาย
ลองฝึกทำอะไรใหม่ ๆ เสมอ
สำนวนสุภาษิต ที่กล่าวใว้ว่า “จงอย่าทำตัวเอง เป็นน้ำเต็มแก้ว” อันนี้แทบใช้ได้ทุกยุค ทุกสมัย ทุกเพศ ทุกวัยเลยนะ เพราะหากวันใด วันหนึ่งเราคิดว่าตัวเองเจ๋งสุด ๆ เก่งสุด ๆ แล้วนั้น วันนั้นจะเป็นเริ่มเป็นวันแห่งหายนะ ที่เราจะมีแต่ย่ำอยู่กับที่ ไม่ไปใหน โดยที่เราคิดว่า ตัวเราไปข้างหน้าอยู่
สาระรีฟ จะบอกว่า ความสำเร็จในอดีต ไม่ได้การันตี ความสำเร็จในอนาคตครับ แต่มันช่วยทำให้ความสำเร็จในอนาคตง่ายขึ้นกว่าเดิมแค่นั้นเอง ดังนั้น หากเราลองทำอะไรใหม่ บางครั้งอาจจะออกมาไม่ดี แต่เราได้รู้ว่าตัวว่าจะปรับปรุงอย่างไร เรียนรู้ตลอดเวลา มันจะช่วยทำให้ตัวเราได้มีทักษะหลากหลายขึ้น ยิ่งทักษะใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา เสริมกับทักษะเดิมที่ตนทำได้ดี จะยิ่งทำให้ผลงานเราทำ ออกมาดียิ่งขึ้นนั่นเอง
ถึงแม้เราจะเก่งแค่ใหน แต่ก็มีคนอื่นเก่งกว่า
เสมอต้น เสมอปลาย
คนที่จะประสบความสำเร็จนั้น จะต้องเป็นคนที่กล้าที่จะทำ โดยได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจใว้ พร้อมรักษามาตรฐานของสิ่งที่ทำให้เสมอต้น เสมอปลาย รู้ว่าอะไรน่าจะทำให้ดีขึ้นได้ ก็พร้อมที่จะหาวิธีในการทำใหม่ ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มาออกมาดีขึ้น
ส่วนนี้สาระรีฟ จะใช้ Mindset อันนึงครับ ที่มี 3 ขั้นตอนคือ
- คิดแล้วทำ (BUILD)
- วัดผลงานที่ได้ (MEASURE)
- เรียนรู้จากสิ่งที่ทำ (LEARN)
ในส่วนนี้จะช่วยทำให้เรา คิดที่จะทำอะไรบางอย่าง แล้วลงมือทำเลย ไม่ใช่คิดอย่างเดียว แต่ไม่ลงมือสักที แต่เรามีเป้าอยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำ เราจะวัดผลอย่างไร ว่ามันออกมาดีหรือไม่ดี โดยผลลัพฑ์ที่ได้นั้น เราสามารถเรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ถ้าดีทำไมถึงดี ถ้าไม่ดีเกิดจากอะไร เราจะได้เอากลับมาทำใหม่ ให้มันดียิ่งขึ้น
ไม่มีอะไรที่ Perfect มีแต่สิ่งที่ทำได้ดีกว่าเดิม
ยอมรับข้อผิดพลาด
ข้อผิดพลาดนี้ ไม่ใข่เป็นสิ่งไม่ดีนะ เพราะสิ่งเหล่านี้แหละ เป็นครูที่ดีเลย ในการสอนเรา พัฒนาตัวเรา ให้เติบโตยิ่งขึ้น แสดงว่า หากเรากลัวที่จะผิดพลาด เราอาจจะไม่ได้ทำอะไรใหม่ ๆ เลยก็เป็นไปได้ เพราะในหัวมีแต่ความกลัว นู่น นี่ นั่น เต็มไปหมด
สาระรีฟ แก้ส่วนนี้ด้วยการ บริหารความเสี่ยงแทนครับ เพราะต้องยอมรับเลยว่า ไม่มีหรอก คนที่ไม่ทำผิดพลาดเลย แต่การบริหารความเสี่ยงจะช่วยให้เราได้รู้ว่า สิ่งที่จะทำมีอะไรบ้าง ที่มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด ถ้าเกิดแล้วเราจะแก้ยังไงต่อ อย่างน้อยเราก็เตรียมตัว เตรียมใจก่อนล่วงหน้า เวลาเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาจะได้ แก้ไขได้ทัน
คนที่ไม่ผิดพลาดเลย ก็มีแต่คนที่ไม่ได้ทำอะไรเท่านั้นแหละ
เชื่อใจคน กล้าให้ทำงานแทน
จากหัวข้อที่ สาระรีฟ แนะนำไปก่อนหน้านี้ในส่วนของ การคิดการใกลใว้ก่อน ที่บอกถึงว่า ความสำเร็จที่ได้เรามานั้น ไม่ได้มาจากตัวเราทั้งหมด นี้แหละคือสิ่งที่จะทำให้เราสำเร็จมากขึ้น หากมีคนรอบกาย ที่ช่วยกันทำงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทุกคนตั้งเป้าหมายใว้ การเชื่อใจคน และเลือกคนมาทำงานแทน เลยเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้เรามีเวลาว่างในการไปทำเรื่องที่เราถนัดกว่า ซึ่งอาจจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็เป็นได้
สาระรีฟ เคยประสบปัญหานี้มาก่อน เนื่องจากไม่ค่อยใว้ใจใครเลย กลัวว่าคนอื่นทำออกมาแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาไม่ดี เลยเอามาทำคนเดียวหมด โดยตัวเราคิดว่างานที่ออกมาจะช่วยให้เราเติบโตได้เร็วขึ้น แต่ผิดถนัดเลยครับ กลับกลายเป็น เราไปข้างหน้าได้ช้ามาก เพราะเราต้องมานั่งคิด และทำทุกอย่าง จนไม่มีเวลามานั่งคิดในเรื่องการเติบโตไปข้างหน้าเลย จนถึงวันหนึ่ง ก็จะรู้สึกว่า ทำอะไรอยู่เนี่ย ทำไมเหมือนไม่ได้เติบโตเลย
เลือกคนให้ถูกงาน จะทำให้ทำงานสบายขึ้น
สำหรับหัวข้อเกี่ยวที่น่าสนใจ สามารถอ่านเพิ่มเติมกันได้นะครับ
- ผู้นำในยุค New Normal ต้องเตรียมอะไรบ้าง
- พอเพียงใช้เท่าที่มี อย่าเป็น “หนี้” จนเกินตัว
- มนุษย์เป็ด ทำได้หลายอย่าง แต่ไม่สุดสักทาง
- New Normal คืออะไร แล้ว Covid-19 เกี่ยวอะไร
- ธุรกิจแมลงสาบ (Cockroach Business) คืออะไร
- Kodak VS Fujifilm ทำไม Fujifilm ถึงอยู่รอด
- ทำธุรกิจให้เหนื่อยน้อยลง ลองอุดรูรั่วของธุรกิจซะ
ช่องทางติดตามผลงาน
ติดตามผลงานช่องทางต่างๆ ได้
Facebook: https://www.facebook.com/sararifmkt
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCUt1RPFDIOaFnrogwZHi34Q
Tiktok : https://www.tiktok.com/@sararifmkt
Line : https://lin.ee/3KWTirDxI
Website : https://www.sararif.com