ทำไมต้อง รู้จักคู่แข่ง เผยเทคนิคการวิเคราะห์คู่แข่งธุรกิจ

เวลาเราทำธุรกิจ ปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำธุรกิจของเรา จะไร้ซึ่งคู่แข่ง (ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้) แต่จริงๆ แล้วคู่แข่งที่ว่าคืออะไร? เราต้องมาทำความรู้จักคู่แข่งกันก่อน จะว่าไปอย่างแรก คู่แข่งเองก็มีหลายประเภทนะ อย่างน้อยเราต้องรู้ประเภทของคู่แข่งกันก่อน

คู่แข่งทางตรง

สำหรับ คู่แข่งทางตรง ส่วนนี้จะเป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน กลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกัน และราคาอยู่ในช่วงเดียวกัน ดังนั้นการที่เราจะสามารถดึงสัดส่วนทางการตลาดไม่ได้มีแค่ การทำ Price War เพียงอย่างเดียว (ผมเรียกการตลาดแบบนี้ว่า การตลาดแบบคิดน้อย) แต่อีกมุมหนึ่ง มันคือการสร้างคุณค่าที่มุมที่อีกเจ้าไม่ทำ หรือ ละเลย อันนี้ก็สามารถดีงสัดส่วนของส่วนแบ่งทางการตลาดได้เช่นกัน

สมมติว่า เราขายข้าวเกรียบปลา (ลองดูว่าใน Shopee มีใครขายกันบ้าง จะเห็นภาพ) ซึ่งจะมีสินค้าที่ขายข้าวเกรียบปลาเยอะแยะไปหมดเลยใช่ไหม คนที่ขายของเหมือนกัน ราคาไล่เลี่ยกัน อย่างที่ว่าไปข้างบนนั้นแหละ เขาเรียกว่าคู่แข่งทางตรงนั่นเอง วิธีการที่จะช่วยให้เราขายได้ ก็จะมีหลายวิธี ทั้งราคา ความแตกต่างของสินค้าเหล่านั้นนั่นเอง

คู่แข่งทางอ้อม

อีกคู่แข่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ คู่แข่งทางอ้อม ในส่วนนี้จะพูดถึงธุรกิจที่เป็นทางเลือก มีการทดแทนกันได้ เพราะงั้นเขาถึงเรียกว่าทางอัอม แสดงว่า หากลูกค้าใช้สินค้าทางอ้อม อาจจะหมายถึงระยะเวลาในการกลับมาใช้บริการใหม่ของสินค้าทางตรงก็จะต้องรอไป สำหรับส่วนนี้ส่วนมากลูกค้าจะตัดสินใจเลือก 2 เหตุผล ก็คือ “ไม่มีทางเลือกสินค้าทางตรงก็ต้องใช้ๆมันไปพลางๆ ก่อน” เจอบริการหรือสินค้าทางตรงค่อยมาเลือกแทนอีกที กับ อีกแบบ “รอฉันพร้อมอีกสักนิดนะ เดี๋ยวฉันค่อยใช้” ตอนนี้ขอใช้วิธีนี้ไปก่อน เพราะฉันติดอะไรบางอย่างเลยยังไม่พร้อมใช้

หากมาพูดถึงตัวอย่าง โดยเทียบจากข้างบน เราก็จะมาดูว่า ถ้าคนไม่ซื้อข้าวเกรียบ เข้าซื้ออะไรได้บ้าง ซึ่งอาจจะซื้อขนมกรุบกรอบอื่นๆ หรืออาจจะซีเรียลต่างๆ มากินแทนก็ได้ (ตัวอย่างสินค้าที่เป็นทางเลือกของข้าวเกรียบ แนวๆ ผักกรอบ) แปลว่า ของเหล่านี้จะเป็นทางอ้อมก็ได้ เพราะราคาขายก็คนละแบบกัน สินค้าภายในก็คนแบบกัน แต่แค่อยู่ในหมวดของทานเล่นเหมือนกันนั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งทางใหน ล้วนขับเคลื่อนตลาดให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี แล้วเราจะเข้าใจบริบทของการตลาดได้ดีขึ้น เมื่อเรารู้จักโครงสร้างของธุรกิจ ว่าอยู่ในโครงสร้างการตลาดแบบใด เราจะวางแผนการได้มาซึ่งลูกค้าได้ดีขึ้นเช่นกัน (Customer Acquisition)

แล้วจะรู้ว่า ตราบใดตลาดที่ทำ ไม่ใช่อุตสาหกรรมผูกขาด ทุกคนที่เข้ามาในตลาดยังมีโอกาสในการกอบโกยได้หมด ใครจะกอบโกยมาก หรือ น้อยก็ขึ้นอยู่กับวิธีการที่แต่ละคนถนัด และตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้านั้นๆ

สุดท้าย จะกอบโกยส่วนแบ่งได้มากหรือน้อยแค่ใหน สิ่งที่สำคัญคือ ธุรกิจมันอยู่รอดหรือเปล่า ถ้าอยู่รอดในตัวธุรกิจมันเอง แปลว่าเรามาถูกทาง จะโตกว่านี้กอยู่ที่ Business Model ว่าใครจะโตในบริบทใหน ที่ตัวเองเห็นช่องว่างทางการตลาดเหล่านั้น

ทำธุรกิจเถอะครับ บอกเลยว่ามันสนุก เพราะเราจะได้ได้คิด ใช้สมองทุกวัน ตื่นเต้นจะตายไป 😂😂😂

ถ้าเกิดใครชอบเนื้อหาแนวกิน เที่ยว ธุรกิจ ก็ฝากกดติดตามสาระรีฟได้ที่ Facebook TikTok YouTube Instagram กันได้นะครับ

ติดตามผลงานได้

Facebook: https://www.facebook.com/sararifmkt

Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCUt1RPFDIOaFnrogwZHi34Q

Tiktok : https://www.tiktok.com/@sararifmkt

Line : https://lin.ee/3KWTirDxI

Website : https://www.sararif.com

#สาระรีฟ #กินเที่ยวธุรกิจ

#ช่องว่างตลาด #MarketGap