ขายออนไลน์ จะเริ่มอย่างไร

ช่วงนี้ คนพูดถึงเรื่อง ขายออนไลน์ กันเยอะ เพื่อที่จะเป็นรายได้เสริมจากงานหลัก แต่ก็เป็นปัญหาสำหรับหลายคน เพราะว่าไม่รู้ จะเริ่มอย่างไรดี แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ ขายออนไลน์ ผ่านช่องทางใหนหรอก แต่อยู่ที่ว่าจะเริ่มอย่างไร และเอาอะไรมาขายดี มาเริ่มกันเลยดีกว่า ข้างล่างทาง สาระรีฟ ได้สรุปประเด็นคำตอบสำคัญ ๆ ที่จำเป็นในการเริ่มขายออนไลน์ให้ข้างล่างนี้แล้ว

1. ขายอะไรดี?

คำตอบแรกที่ผู้อ่านต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนเลยคือ ขายอะไรดี ทางสาระรีฟ แนะนำก่อนนะครับ ว่าการจะนำสินค้าใหนมาขาย จะเลือกจากอะไร ทางสาระรีฟเลยเอาประสบการณ์ตนเองมาสรุปให้ข้างล่าง ผู้อ่านลองหาคำตอบดูนะครับว่ามีอะไรรอบตัวบ้าง ที่น่าจะตรงตอบคำถามข้างล่างนี้ (สำหรับบทความ สินค้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง อ่านได้ที่นี่)

• เราจะรับซื้อมาขาย หรือ จะทำเอง ถ้าตอบคำถามนี้ได้ จะรู้ว่า มีของอะไรที่น่าจะเอามาทำขายได้บ้าง
• อยากขายสินค้าที่คนกำลังพูดถึง หรือ สินค้าที่คิดว่าน่าจะขายได้ยาว ๆ
• สินค้านั้นเก็บได้นาน หรือ แปปเดียวก็เสีย
• สินค้าเก็บที่บ้านเรา หรือ จะใช้วิธีการดรอปชิป (ของอยู่ที่ผู้ผลิต เราส่งออเดอร์ให้เขาส่ง)
• ส่งกับ ค่ายใหนดี เช่น J&T, Kerry, Flash หรือ ไปรษณีย์ไทย

จากรายการข้างต้น เมื่อเราได้คำตอบจากรายการข้างบนแล้ว เราจะเริ่มมาดูว่า ราคาตลาดที่เขาขาย ๆ กันเท่าใหร่ วิธีการง่าย ๆ ค้นหาใน Facebook พูดคุยบ่อย ๆ ในเรื่องสินค้านั้น เราจะเริ่มเห็น โฆษณาที่โผล่ออกมา

คราวนี้แหละ จะเป็นกรณีศึกษาได้อย่างดีเลย ว่าคนอื่นเขาขายกันอย่างไร ราคาเท่าใหร่ เราจะเอามาทำการตลาดอย่างไร ทางผู้อ่านก็จะเริ่มเห็นคร่าว ๆ แล้วว่าจะเอาสินค้าเหล่านั้นมาขายต่ออย่างไร

2. โพสสม่ำเสมอ

สำหรับหัวข้อนี้ เมื่อผู้อ่านได้สินค้ามาแล้ว การโพสขายสินค้าสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจริง ๆ จะต้องโพสวันละกี่ครั้งนี้ ไม่มีคำตอบ เอาเป็นว่าไม่ทำให้คนติดตามรู้สึกรบกวนมากก็เพียงพอ

ผู้อ่านต้อจำใว้เสมอว่า ไม่มีใครหรอกที่โพสวันแรก แล้วจะขายดี เท่ากับคนที่ขายมาก่อนหน้านี้ อย่าเริ่มท้อในช่วงแรก ๆ ที่ขายไม่ค่อยได้ อดทนใว้ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?

เหตุผลหลักเพราะเรายังไม่เป็นที่รู้จัก ยังไม่มีฐานแฟนคลับที่ติดตามเรา ชื่นชอบในสิ่งที่เรานำเสนอ โดยในช่วงแรกเวลาเราโพสไป อาจจะมีคนมาซื้อบ้าง ไม่มาก แต่ทางสาระรีฟแนะนำคือ โพสสม่ำเสมอ ให้ผู้ติดตามเขาจำได้ว่า เราจะโพสช่วงใหน ขายอะไร เดี๋ยวจะมีคนมาติดตามเราเพิ่มเอง ตอนนั้นยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นด้วย คราวนี้ก็ลองมาดูว่าจะโพสผ่านทางใหนกันต่อ

• โพสบนหน้า Facebook ตัวเอง หรือ Facebook Fanpage
• แชร์โพสหลัก เข้า Group ขายของ
• สร้าง LINE OA ใว้ เผื่อบางคนถนัดซื้อบน Line

3. เป็นตัวของตัวเอง

สำหรับหัวข้อนี้ เสริมต่อในส่วนของการโพสสินค้าที่กล่าวข้างต้น ซึ่งการใช้คำพูด การพิมพ์ สัญลักษณ์แสดงอารมณ์ (Emoticon) ต้องแสดงถึงตัวตนของผู้โพส พยายามอย่าทำตนเองให้เหมือนคนอื่น เพราะคนที่เห็นจะรู้สึกว่า เราตามคนอื่น แล้วเขาจะไม่จดจำเรา มากกว่าการที่เราโพสตามไสตล์ของตนเอง

• ถ้าเราเป็นคนตลก ก็อาจจะขายตามที่เราโพสเหมือนกับเราโพสปกติก่อนที่จะขาย
• ถ้าเราเป็นคนขายแบบตรง ๆ เลยไม่อ้อมค้อม ก็โพสไปเลย

ไม่ว่าโพสแบบใหน บอกไม่ได้หรอกว่า โพสแบบใหนจะถูก หรือ โพสแบบใหนจะผิด แต่สิ่งที่ตอบได้คือ การที่เราแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเองในโพสที่ขาย และโพสสม่ำเสมอ จะมีคนที่ชอบการขายแบบนี้มาติดตามเราแน่นอน เก็บฐานแฟนคลับเรื่อย ๆ ยอดขายมาเองครับ

4. ศึกษาพฤติกรรมลูกค้า

ทำไมเราต้องรู้พฤติกรรมลูกค้า เพราะ ลูกค้าเป็นแบบใหน เราเอาสินค้าของเรา ออกแบบให้เข้ากับสิ่งที่ลูกค้าเป็น เพราะการที่เราโพสในสิ่งที่ใกล้เคียงกับนิสัยของลูกค้า โดยที่เรายังเป็นตัวของตัวเองด้วยในคราวเดียวกัน จะทำให้ลูกค้าที่เห็นสินค้าเหล่านั้นรู้สึกว่า สินค้านี้น่าสนใจ ลองศึกษาดูหน่อยก็คงจะดี ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าทักเรามาเพื่อสอบถามสินค้าง่ายขึ้นครับ ผมสรุปง่าย ๆ ให้ข้างล่างเผื่อจะได้เห็นภาพมากขึ้น

• ลูกค้าเป็นพวกชอบส่วนลด แปลว่า เราต้องโพสสินค้าที่มีส่วนลด เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาได้ในสิ่งที่เขาอยากได้
• ลูกค้าชอบพวกสินค้าถูกใว้ก่อน ค่าส่งค่อยว่ากัน แปลว่าสินค้านี้จะเน้นราคาสินค้า ส่วนค่าส่งมาแชทข้างใน
• ลูกค้าชอบสินค้าที่ราคาในโพสโดยไม่ต้องการมีบวกเพิ่มในเรื่องอื่น ๆ เช่น ฟรีค่าส่ง ปลายทางไม่มีค่าธรรมเนียม
• ลูกค้าที่อยากได้ของก่อน เราก็อาจจะโพสในลักษณะ ของชิ้นนี้หมดแล้วหมดเลย รีบจอง

จากรายการข้างตน เราจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น ว่าถ้าเราอยากจะขายใคร พฤติกรรมลูกค้าจะช่วยให้เราปิดการขายมากขึ้น เพราะหากเราไม่รู้จักพฤติกรรมของลูกค้าเลย เราจะบอกเขาให้ซื้อของเราได้อย่างไร ดังนั้นพฤติกรรมลูกค้า เรียนรู้ใว้ก็ดีครับ

5. รูปสินค้า

พฤติกรรมของลูกค้า จะส่งผลกับรูปสินค้า อย่างไรหรือครับ ลองมาดูในลักษณะนี้กันครับ มีกลุ่มลูกค้าที่ไม่ค่อยชอบซื้อสินค้าที่ผ่านการแต่งรูปเวอร์ ๆ แต่อยากเห็นสินค้าตัวจริง เพราะหากเรารู้พฤติกรรมเขา รูปที่เราควรเอามาใช้จะต้องเป็นรูปสินค้าจริงไปเลย ไม่ต้องแต่งอะไรมากมาย เพราะจะช่วยให้เขาตัดสินใจได้ว่า สินค้าที่เขาสั่ง ตรงปกที่เขาเห็น ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เราจะขายจะช่วยให้เราได้รู้ว่า รูปที่เราจะทำออกมาโพส จะต้องทำรูปออกมาอย่างไร ทางผมแนะนำประมาณนี้ครับ

• รูปสินค้าเป็นหลัก ข้อความน้อย ๆ การเราเน้นภาพแบบนี้ มันสามารถใช้ในการให้ลูกค้าเห็นองค์ประกอบสินค้ามากขึ้น และหากเรานำไปยิง Ads Facebook ค่าโฆษณาก็จะถูกลงด้วย
• รูปสินค้า ที่มีรายละเอียดสินค้าภายใน อันนี้จะใช้เวลาเราเก็บในเครื่อง ใว้สำหรับคนถามในแชท เราส่งรูปนี้จะช่วยลดเวลาในการตอบ หรือ จะเอาไปใช้ขายใน Line ก็เป็นได้
• รูปสินค้ากองเยอะ อันนี้เผื่อเราจะหาตัวแทนขาย ได้เห็นว่า ที่เราขายเรามีของเพียงพอในการจัดส่งนะ

ไม่ว่ารูปจะเป็นแบบใหน สรุปแล้ว ทางผมแนะนำให้ลองทำหลาย ๆ แบบแล้วศึกษาดูครับ ว่ารูปแบบใหนปิดการขายในลักษณะยังไงได้บ้าง ลูกค้าแบบใหนชอบซื้อรูปแบบใหน ผ่านช่องทางใหน จะทำให้เรามีไอเดียในการทำรูปได้ง่ายขึ้นครับ

6. มีงบการตลาด

งบการตลาดที่ว่า คือเงินที่จะใช้ในการทำให้ของเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบของแถม หรือ จ่ายค่าโฆษณา แล้วแต่ลักษณะที่เราคิดว่าเหมาะสม ซึ่งหากเราเตรียมงบใว้ส่วนหนึ่ง จะช่วยลดระยะเวลาในการสร้างตัวตนได้เร็วขึ้น นั่นหมายถึงยอดขาย และโอกาสต่าง ๆ ในการขายออนไลน์ก็จะเยอะขึ้นตามไปด้วย เมื่อโอกาสเยอะขึ้น เราก็จะเห็นช่องทางใหม่ ๆ ในการหาเงินมากขึ้น ดังนั้นงบพวกนี้อย่าขี้เหนียวเป็นการดีครับ ไม่ใช่ว่า อยากจะขายช่องทางฟรีทุกกรณี แบบนี้น่าจะยากครับ อันใหนจ่ายได้ และคิดว่าคุ้มที่จ่าย ก็ลองจ่ายดูครับ เผื่ออาจจะปังก็ได้

ช่องทางติดตามผลงาน

ติดตามผลงานช่องทางต่างๆ ได้

Facebook: https://www.facebook.com/sararifmkt

Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCUt1RPFDIOaFnrogwZHi34Q

Tiktok : https://www.tiktok.com/@sararifmkt

Line : https://lin.ee/3KWTirDxI

Website : https://www.sararif.com