ปี 2021 เป็นปีที่ไม่ง่ายเลย ที่จะวางแผนธุรกิจให้รอดไปอีกปี เพราะปีก่อนหน้านี้ ก็เจอมรสุมเยอะแยะไปหมดเลย ทั้ง Covid-19 บ้างเอย เศรษฐกิจขาลงบ้างเอย มรสุมทำให้น้ำท่วมในบางพื้นที่ พร้อมกับสาเหตุสารพัดที่เข้ามาถาโถม ทำให้ธุรกิจที่พอจะไปได้ด้วยดี กลับเป็นต้องเซไปบ้าง ในบางเวลา
ในบทความนี้สาระรีฟ จะมาอธิบายกัน ว่าในปี 2021 เราจะเตรียมตัวธุรกิจเราอย่างไรดี ให้ปรับตัวได้ทัน และสามารถก้าวผ่านอุปสรรค ที่เราไม่รู้เลยว่า อะไรจะเข้ามาบ้าง ซึ่ง ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ ต้นเดือน มกราคม 2021 เป็นปีที่ต้อนรับธุรกิจที่ต้องเหนื่อยอีกเยอะกว่าเดิม เพราะดันเจอเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ จังหวัดยะลา และ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งบอกเลยว่า ต้องวางแผนใหม่กันเลยทีเดียว
ก่อนที่จะมาเริ่มถึง หัวข้ออะไรบ้างที่เราควรจะต้องเตรียมตัว สาระรีฟ จะมาเกริ่นกันก่อนว่า ในปี 2021 นี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากไม่เจอเหตุการณ์ Covid-19 เพิ่มมากขึ้น อาจจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างน้อยก็ประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปี 6 เดือน กันเลยทีเดียว แปลว่าเราต้องวางแผนได้เลยว่า อย่างน้อยธุรกิจเราต้องกัดฟันให้ได้ถึงวันนั้น ก่อนที่จะล้มลงก่อน
Customer Behavior & Relationship
ส่วนนี้สาระรีฟ จะมาพูดถึงพฤติกรรมลูกค้ากันครับ เพราะจากเหตุการณ์ที่เข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเลย ซึ่งนั่นส่งผลสำคัญเลย ที่จะทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ สามารถตอบรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้มากน้อยแค่ใหน
ตัวอย่างที่จะมาหยิบยกให้เห็นกันชัดเจนเลยก็คือ ก่อนหน้านี้เวลาที่เราอยู่บ้าน แล้วหิวอยากออกมาหาอะไรกิน เราก็จะต้องลุกขึ้นมาแต่งตัว แล้วขับรถออกไปนั่งกินอาหารในร้านที่เราอยาก แต่ตอนนี้น่ะหรอ พฤติกรรมเราเริ่มเปลี่ยนที่จะ ขี้เกียจออกอ่ะ ร้อนบ้างเอย ยังไม่อาบน้ำขี้เกียจออก หรืออาจจะเพราะสาเหตุอะไรก็ว่ากันไป ทำให้เรากลายเป็นคนที่ อยากจะกิน ชั้นเปิดมือถือสั่ง Delivery ใน App ดีกว่า อยู่บ้าน ดูทีวี ดู Netflix แล้วรอข้าวมาเสิร์ฟถึงหน้าบ้านสบายกว่าเยอะ
นี้แหละ เป็นเหตุผลที่ เหตุการณ์ต่างๆ ทั้ง Covid-19 หรือ มรสุมน้ำท่วมต่างๆ ส่งผลให้คนมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปทั้งนั้นเลย ธุรกิจเราก็เช่นเดียว ถ้าเราไม่ปรับตัวให้รองรับกับพฤติกรรมของลูกค้าเรา ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจ เริ่มที่จะอยู่ยากมากขึ้นนะครับ ที่สำคัญเราเปลี่ยนแปลงแล้ว ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกดีที่ใช้สินค้าและบริการของทางร้านด้วยนะครับ เพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ความคาดหวังก็เปลี่ยนเช่นเดียวกัน
Process Improvement
จากหัวข้อก่อนหน้า ที่เราปรับเปลี่ยนธุรกิจให้รองรับกับพฤติกรรมลูกค้าแล้ว เราเองก็ต้องทำงานให้เร็วขึ้นด้วย การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เร็วขึ้น ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ย่อมสำคัญไม่แพ้กันเลย เพราะธุรกิจที่มีการทำงานที่อุ้ยอ้าย จะปรับสักที ก็ทำงานช้าไปหมด อันนี้ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันนะครับ
เราลองมาดูกันครับ ว่ากระบวนการอะไรที่ อาจจะทำให้เราทำงานช้าลง สาระรีฟจะยกตัวอย่างดังนี้ครับ ลองสังเกตุว่า หลายองค์กร มักจะชอบประชุมกันใช่ไหมครับ สมมติว่า ใช้เวลาสัก 2-3 ชั่วโมงละกัน เราลองมาแบ่งกันว่าในเวลาดังกล่าวประกอบด้วยอะไรบ้าง
- เกริ่นนำสัก 30 นาที ปูพื้นสักนิด
- เข้าประเด็นเรื่องที่จะพูดสัก 30 นาที
- ถามความคืบหน้า ใครทำถึงใหนแล้วบ้างสัก 1 ชั่วโมง
- เถียงกัน เพื่อหาข้อสรุปอีกสัก 1 ชั่วโมง
เห็นไหมครับ แค่การประชุม เพื่ออยากรู้ว่างานที่ทำไป ตอนนี้ทำถึงใหนบ้าง ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงเลย พอประชุมเสร็จ ก็มาพักหายเหนื่อยอีกครึ่งวัน ค่อยเริ่มพรุ่งนี้ละกัน ไม่น่าจะทันละ เพราะจะเลิกงาน หากเราปรับให้เร็วขึ้นละ ใช้เครื่องมือออนไลน์กันเลย ในการบริหารงาน ใครทำอะไรอยู่ ก็อัพเดทในนั้น คนที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบสถานะงาน พร้อมคอมเมนท์ได้เลย อันนี้จะทำให้เราได้งานเยอะขึ้น ซึ่งตัวอย่างนี้แค่เบาะๆ เองนะครับ เพราะอย่าลืม กระบวนการทำงานต่างๆ นั้น คือ ต้นทุนกิจการแทบทั้งสิ้นครับ
Business Model & Transformation
แผนธุรกิจ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญเลยครับ อย่าลืมว่า สิ่งที่เราเคยทำได้ดีก่อนหน้านี้ อาจจะใช้ไม่ได้ดีในวันนี้แล้วก็ได้ ทำไมน่ะหรือครับ ก็เพราะว่า พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ย่อมส่งผลถึงรูปแบบการใช้บริการเปลี่ยนไปเช่นเดียวกันไงครับ
แล้วจะทำอย่างไรล่ะ ให้เราปรับแผนธุรกิจให้เราอยู่รอด สาระรีฟ แนะนำเลยครับ ปรับแผนธุรกิจตามลูกค้า (Business Model for Customer) พูดง่ายๆ คือลูกค้าเปลี่ยนไปแบบใหน เราเปลี่ยนตามเขา แบบนี้แหละ เราจะพออยู่รอดได้ในแต่ละสถานการณ์
แสดงว่า การที่จะปรับแผนธุรกืจตัวนี้ ต้องมาจากการออกแบบการทำงานขององค์กรที่ยืดหยุ่นด้วย เพราะถ้าการทำงานเรา ทำงานซับซ้อน จะทำอะไรที ใช้เวลาเยอะในการปรับเปลี่ยน เราอาจจะขึ้นขบวนรถไฟคันนั้นไม่ทัน ส่งผลให้เราตกขบวนก็เป็นได้ครับ ที่สำคัญในหัวข้อนี้ก็คือ ลูกค้าเปลี่ยนอย่างไร เราเปลี่ยนไปหาลูกค้า โอกาสรอดจะมากขึ้น!
Channel
หัวข้อนี้จะมาพูดถึง ช่องทางการขายต่อครับ หลายคนก็มีช่องทางการขายหลายอย่าง อาจจะขายบน Facebook, Instagram, Line หรืออาจจะเป็น Marketplace อย่างเช่น Shopee หรือ Lazada (หากมีเวลา แนะนำอ่านนี้ต่อครับ ช่องทางขายออนไลน์ เลือกขายที่ใหนก่อนดี?)
ในส่วนนี้สาระรีฟ จะมาแนะนำเพิ่มครับ ว่าช่องทางการขายที่กิจการควรต้องพัฒนาขึ้นมาก็คือ ช่องทางที่หากเราต่อตรงกับลูกค้าได้ ก็จะดีมาก เพราะนั่นหมายถึง คุณสามารถนำเสนอ และพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านให้คนอื่นมาพูดแทน แบบนี้จะทำให้ลูกค้าเขาติดแน่นกับสินค้าหรือบริการของเรามากยิ่งขึ้น
ว่าแต่อะไร คือ ช่องทางที่เราต่อตรงกับลูกค้า จะพูดให้เห็นภาพก็คือ หากธุรกิจเราออกแบบให้เป็น ระบบตัวแทน คนซื้อไม่ได้ใช้ แต่ไปขายต่อ การขายในรูปแบบนี้จะเติบโตเร็ว แต่ข้อเสียก็คือ ตัวแทนเปลี่ยนสินค้าอื่นมาขายไว ไม่แพ้กันนะครับ ซึ่งหมายความว่า ในวันที่สินค้าเราเริ่มหมดใจไปแล้ว เราเองก็จะไม่มีใครมาเหลียวแล นั่นแหละ จะทำให้เราปรับตัวยากกว่าเดิมอีก เพราะเราไม่เคยคุยกับลูกค้าโดยตรง เลยไม่รู้เลยว่า สุดท้ายแล้วจะต้องปรับตัวอย่างไร ดังนั้นอะไรที่สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ ก็ทำเถอะครับ คุ้มแน่นอน
Branding
มาหัวข้อสุดท้ายก็คือ แบรนด์ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะโคตร Abstract เลย (ประมาณว่า ฟังหลักการแล้ว เอามาทำต่อยากจัง) ซึ่งสาระรีฟจะบอกว่า การสร้างแบรนด์เป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ ที่ช่วยยกระดับสินค้าหรือบริการที่ No name มาเป็น Someone ได้เลย ซึ่งจาก Insight ที่สาระรีฟ จะมาแชร์กันครับว่า การขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน Platform ไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว ทำไมน่ะหรือ?
- ค่าโฆษณาเริ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว
- การแข่งขันก็สูงขึ้น 10 เท่า
- ลูกค้ามี Platform อื่นใช้กันเยอะขึ้น ทั้ง Tiktok เป็นต้น
แปลว่า ยอดการขายผ่าน Platform กลับกลายเป็นว่า เราต้องเหนื่อยขึ้นทุกปีเลย หากเราทำเหมือนคนอื่น แต่จะบอกความลับให้อย่างหนึ่งว่า มีส่วนหนึ่งที่ขึ้นเอา ขึ้นเอา นั่นก็คือ Personal Branding เพราะทุกวันนี้ ลูกค้าที่เขาซื้อ เขาแค่รู้สึกว่าเขากำลังคุยกับใครอยู่ ใครล่ะกำลังพูดให้เขาฟัง ซึ่งถ้ามามองกัน คนยิง Ads หมดเงินไปเป็นหมื่น เป็นแสน แต่คนที่คนติดตามกัน พูดไม่กี่ชั่วโมง ยอดขายถล่มถลาย
ดังนั้น การสร้างแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ของบุคคล หรือ แบรนด์ของสินค้าหรือบริการเอง ย่อมสำคัญ ทำใว้ เพราะส่วนนี้เสมือนการปลูกต้นไม้ มันไม่ได้โตไวหรอก แต่ถ้าโต ก็เก็บเกี่ยวกินอิ่มหนำสำราญกันเลยทีเดียว สำหรับใครอ่านแล้วชอบ ก็อย่าลืมแบ่งปันกันได้นะครับ
สำหรับเนื้อหาที่อยากให้ทุกคนอ่านต่อยอด
- ขายออนไลน์ จะเริ่มอย่างไร
- Ads Facebook อย่ายิงก่อนที่จะอ่านบทความนี้ [EP1]
- Facebook Campaign จุดเริ่มต้นการยิง ADS [EP2]
- Sales Funnel เรื่องที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้จัก
- ถอดบทเรียน 2020 เพื่อปีหน้าที่ดีกว่า
ช่องทางติดตามผลงาน
ติดตามผลงานช่องทางต่างๆ ได้
Facebook: https://www.facebook.com/sararifmkt
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCUt1RPFDIOaFnrogwZHi34Q
Tiktok : https://www.tiktok.com/@sararifmkt
Line : https://lin.ee/3KWTirDxI
Website : https://www.sararif.com