fbpx
วันเสาร์, กรกฎาคม 27, 2024
หน้าแรกSharif's Storyเก็บเงิน ให้ได้ 1 ล้านแรก เดือน 5000 บาท ใน 10 ปี

เก็บเงิน ให้ได้ 1 ล้านแรก เดือน 5000 บาท ใน 10 ปี

เก็บเงิน คงเป็นหัวข้อที่หลายคนรู้สึกว่า มันใกลตัวจัง ยากจัง ยิ่งถ้าจะเก็บให้ได้ 1 ล้านบาท ยิ่งเกินฟัน เพราะพอถึงสิ้นเดือน พอกลับมามองถึงกระเป๋าตัง ก็ไม่เคยจะมีเงินเหลือให้เก็บเลย สาระรีฟเห็นว่าเป็นหนึ่งในหัวข้อที่คนเรียกร้องกัน เลยมาเขียนบทความ พร้อมวิดีโอสอนการเก็บเงิน ให้ทุกท่านได้เรียนรู้กัน

อย่างแรกเลย สาระรีฟ จะมาบอกถึงเคล็ดลับสำหรับคนที่สามารถเก็บเงินได้ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นประจำ โดยจะช่วยร่นระยะเวลาในการเก็บเงินให้ครบ 1,000,000 บาทแรกลง ที่ไม่ใช่ว่า ต้องเก็บ 16 ปี แต่จะร่นให้เหลือ 10 ปี มันทำได้จริงไหม

หากคิดแบบตรงไป ตรงมา ก็คงต้องใช้ 16 ปีใช่ไหม ซึ่งคิดยังไง ก็ง่ายๆ เอา 1,000,000 หารด้วย 5,000 ก็ได้จะ 200 เดือน หรือประมาณ 16 ปีนั่นเอง ซึ่งสาระรีฟเองมองว่าหากเรามีรูปแบบการเก็บที่แตกต่างอาจจะช่วยให้เราได้ 1 ล้านบาทแรกได้เร็วขึ้น ซึ่งคิดว่าแต่ละท่านคงอยากจะรู้กันแล้วใช่ไหม

อย่างแรกที่ทุกคนต้องเรียนรู้กันก่อนที่จะให้ถึงเป้า 1 ล้านบาทแรก ก็คือ ทำยังไงให้เรามีเงินเก็บก่อน เพราะถ้าเราไม่สามารถเก็บเงินได้เลย ก็ยากที่จะมีเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งสาระรีฟจะแบ่งหัวข้อให้ทุกคนได้ลองทำตามดังนี้ครับ

รู้สุขภาพการเงินของตัวเอง

ก่อนที่เราจะมีเงินเก็บ เราต้องรู้ก่อนว่า ในแต่ละเดือนเราหมดไปกับค่าใช้จ่ายอะไร ซึ่งหากเรารู้ข้อมูลส่วนนี้ จะทำให้รู้ว่า เงินเราหมดไปกับอะไรกันแน่ ของบางอย่างเราอาจจะจ่ายไปแบบทีละนิด แบบที่เราไม่ได้คิดว่ามันเยอะ แต่พอเอามารวมกันทั้งเดือน กลายเป็นเงินก้อนใหญ่

วิธีการที่เราจะรู้จักสถานะการเงินของตัวเราเองนั้น ก็คือ การจดบันทึก การใช้จ่าย เราสามารถบันทึกแบบใหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นจดในสมุด หรือ จะใช้ Application มาจดบันทึก ก็จะช่วยให้เราบริหารการเงินได้ง่ายขึ้น ซึ่งพอเราจดบันทึกแล้ว พอเราเอามาแยกหมวดหมู่ ก็จะรู้สึกเลยว่า เราหมดไปกับค่าใช้จ่ายในส่วนใหน ที่ทำให้เรามีเงินเก็บไม่ได้สักที หรือมีเงินเก็บ แต่น้อย

บริหารจัดการเงินในแต่ละเดือน

เมื่อเรารู้สถานะการเงินแล้วว่าเราหมดไปกับค่าใช้จ่ายอะไรไปแล้วบ้าง เราก็จะมาบริหารการเงินกันใหม่ ด้วยการ ดูว่าส่วนใหนที่เราลดได้บ้าง โดยที่เราอาจจะซื้อไปโดยไม่จำเป็น พอเราลดในบางอย่างไปแล้ว ก็จะช่วยให้เรามีเงินเหลือมากขึ้นในการเก็บเงินนั่นเอง

ต่อมา เมื่อเรามีเงินเก็บเพิ่มขึ้นแล้ว ก็ต้องเอามาจัดสรรออกเป็น 3 กองก่อน ซึ่งแต่ละกองเองก็วัตถุประสงค์ของการเก็บที่แตกต่างกัน โดย 3 กองที่สาระรีฟ แนะนำให้ทุกท่านได้ลองทำตามก็จะมีดังนี้

กองเงิน สำหรับใช้จ่ายชีวิตประจำวัน

ในส่วนแรก เมื่อเราได้เงินมาจากรายได้ที่เราทำงานมาแล้ว เราก็จะเอาข้อมูลที่เราจดบันทึกใว้ ว่าเราใช้จ่ายอะไรไปบ้างในแต่ละเดือน ที่แต่ละเดือนที่ผ่านไป ก็ยังมีรูปแบบของการใช้จ่ายคงเดิม ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าที่พัก เป็นต้น

สำหรับเงินกองนี้ สาระรีฟแนะนำว่าควรนำเงินหลักที่เราได้ในแต่ละเดือนประมาณ 50-75% มาอยู่ในกองนี้ เพื่อให้เราสามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ขาด ไม่เกิน จะได้ไม่อยู่ลำบากจนเกินไป

กองเงิน สำหรับใช้เพื่อการฉุกเฉิน

สำหรับอีกกอง เราจะเก็บใว้เผื่อยามฉุกเฉิน ซึ่งใครจะไปรู้ว่า ในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาล เกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น ซึ่งหากเราต้องจ่ายในส่วนนี้ ก็น่าจะใช้เงินไม่น้อยเลย

ส่วนเงินในกองนี้ ควรจะเป็นส่วนที่เหลือจากที่เราเก็บจากกองสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อที่จะได้มีเงินใว้สำหรับฉุกเฉินบ้างในยามจำเป็น โดยส่วนนี้สาระรีฟแนะนำให้เก็บอย่างครึ่งเลยจากกองที่เหลือ เช่น ถ้าเราเก็บสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน 75% แปลว่าจะเหลือ 25% ก็เก็บสัก 12.5 ไปเลย

โดยการเก็บเงินในส่วนนี้ สาระรีฟแนะนำว่าควรเก็บให้มีเงินเท่ากับเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสัก 6 เดือน แค่นั้นก็โยกไปเก็บทางอื่นต่อก็ได้ อย่างน้อยก็การันตีได้ว่า ถ้าตกงาน หรือเราไม่มีรายได้สัก 6 เดือน ก็ยังมีเงินก้อนนี้มาใช้จ่ายได้นั่นเอง

กองเงิน สำหรับใช้เพื่อการลงทุน

กองนี้แหละ เป็นกองที่จะช่วยให้ทุกคนได้ถึงฝัน เก็บเงิน 1 ล้านบาทแรกได้เร็วขึ้น เพราะการลงทุนนี้ มันจะช่วยงอกเงย เงินที่ตั้งอยู่เฉยๆ (ซึ่งบางทีมันอาจจะลดก็ได้นะ เพราะเงินเฟ้อ ของแพง) แต่เราต้องลงทุนถูกวิธีด้วยนะ เพราะทุกการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยงในตัวของมัน ลงทุนพลาด เงินก็ลดได้เช่นเดียวกัน

ส่วนสุดท้ายเงินก้อนนี้ ควรเก็บอย่างต่อเนื่องให้นานที่สุด ยิ่งนานก็ยิ่งมีเงินเยอะ ซึ่งการลงทุนมีได้หลากหลาย ตั้งแต่ลงทุนในธุรกิจ กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะลงทุนทางใหน ก็ย่อมช่วยให้เงินที่เราลงงอกเงยขึ้นกว่าเดิม (หากไม่เจ๊งซะก่อนนะ)

ต่อมาเราจะมาว่ากันในส่วนของการเก็บเงินให้ได้ 1,000,000 บาทแรกกันต่อ ด้วยเงินเก็บเดือนละ 5000 ซึ่งสาระรีฟจะมองว่า หากการลงทุนของเราได้ผลตอบแทนสัก 10% ต่อปี แสดงว่าเงินในปีแรกเราจะมีเงินต้น 60,000 บาท (12×5,000) และมีเงินปันผล 3,250 บาท แสดงว่า เราจะมีเงินอยู่ในกองนี้ 63,250 นั่นเอง หากเราสะสมแบบนี้เรื่อยๆ แสดงว่าเงิน 1 ล้านบาทแรก เราจะได้ครบในปีที่ 10 โดยที่เงินต้นเราจะมีอยู่ทั้งหมด 600,000 บาท พร้อมกับผลตอบแทนที่เราสะสมมาเรื่อยๆ 408,042 บาทนั่นเอง เห็นไหมว่าการเก็บเงินมันไม่ได้ยากนะ ขอแค่วินัยในการเก็บก็พอ แล้วอย่าไปก่อหนี้ที่ไม่ได้สร้างมูลค่านะครับ

สำหรับใครอยากเรียนรู้ พื้นฐานการลงทุน ในตลาดหุ้น แบบที่ความรู้พื้นฐานไม่ต้องมีมาก สาระรีฟมีอยู่ 2 หัวข้อใหญ่ให้นะครับ (เดี๋ยวลดราคาพิเศษเลย ถ้าบอกว่ามาจากบทความนี้) ซึ่งมีหัวข้อ พื้นฐานของการลงทุน และ การลงทุนในระดับผู้มีประสบการณ์ ทักกันได้ที่ช่องทางข้างล่างได้เลยนะครับ

ช่องทางติดตามผลงาน

ติดตามผลงานช่องทางต่างๆ ได้

Facebook: https://www.facebook.com/sararifmkt

Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCUt1RPFDIOaFnrogwZHi34Q

Tiktok : https://www.tiktok.com/@sararifmkt

Line : https://lin.ee/3KWTirDxI

Website : https://www.sararif.com

Sharif Densumite
Sharif Densumitehttp://www.sararif.com
Chief Executive Officer - Has Order Co, Ltd.
RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments